/ Top Hits / 15 แหล่งเที่ยวอยุธยาสุดฮิต สุดปัง รวมทุกแนว ฮิต ชิค ปัง ถ้าได้ลองมาจะติดใจ
แนะนำที่พักหัวหิน ชะอำ อัพเดตล่าสุด

15 แหล่งเที่ยวอยุธยาสุดฮิต สุดปัง รวมทุกแนว ฮิต ชิค ปัง ถ้าได้ลองมาจะติดใจ 2567


อัพเดตล่าสุดเมื่อ 5 พฤศจิกายน 2565

>> 25 ที่เที่ยวน่าไป ในอยุธยา 2022-2023 หลายแนว เปิดใหม่ สวยชิล <<

25 ที่เที่ยวน่าไป ในอยุธยา 2022

 

ถ้าใครมีเวลาไม่มากอยากมาเที่ยวใกล้ๆกรุงเทพบอกเลยว่ามาอยุธยานี่ตอบโจทย์อย่างแรงเชียวล่ะค่ะ เพราะทั้งใกล้ๆกรุงเทพเดินทางแค่ชั่วโมงนิดๆก็ถึงแล้ว แหล่งท่องเที่ยวก็มีเยอะแยะแถมยังจะมีทุกแนวอีก อยุธยาไม่ได้มีดีแค่วัดเท่านั้นนะคะ แหล่งท่องเที่ยวอื่นๆก็มีให้เลือกแวะกันเพียบ บางคนเคยมาแต่วัดดังๆหรือไปเที่ยวเฉพาะสถานที่โบราณสถานีแล้วมาบ่อยๆก็แอบเบื่อเหมือนกันใช่รึเปล่าเอ่ย ครั้งนี้เราจัดหนักจัดเต็มแหล่งท่องเที่ยวที่ใหม่ล่ามาแรงแซงทุกโค้ง มีวัดแซมๆมาบ้างเล็กน้อย อีกทั้งหลายๆที่ยังเหมาะกับพาทั้งครอบครัวมาเที่ยวแบบสุดๆ เนื่องจากทั้งเที่ยวสนุกพร้อมๆไปกับรับความรู้อย่างเนียนๆ วันหยุดนี้มีแพลนเที่ยวรึยังคะ ถ้ายังล่ะก็รับอยุธยาไว้ในอ้อมกอดอ้อมใจซักนิดแล้วคุณจะรู้ว่าอยุธยามีดีกว่าที่คิดนะเออ

 

 

1. ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงบ้านของพ่อ

ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงบ้านของพ่อ หรือที่เราเรียกกันสั้นๆว่า “บ้านของพ่อ” นับว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่จะพาคุณไปสัมผัสกับแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวง รัชกาลที่ 9 กันอย่างเต็มอิ่มเลยล่ะค่ะ เพราะที่นี่เค้ามีการเปิดเป็นแหล่งเรียนรู้โดยมีการจัดทำพื้นที่ต่างๆให้สอดคล้องกับแนวคิดเรื่องความพอเพียงเรื่องหลักการเกษตรทฤษฎีใหม่ให้เราได้ดูได้ชมกัน รวมไปถึงมีกิจกรรมสนุกๆให้เด็กๆได้ลองทำกับอย่าง ฐานกิจกรรมไก่ไข่ ฐานกิจกรรมแพะและแกะ ฐานกิจกรรมต้นไม้และพืชผักสวนครัว ฐานกิจกรรมปลาน้ำจืดไทย ฐานกิจกรรมประกอบอาหาร ฐานกิจกรรมปักดำนา และฐานกิจกรรมภูมิปัญญาไทย โดยพื้นที่มีการจัดมุมเก๋ๆไว้ให้ถ่ายรูปรัวๆพร้อมได้เพลิดเพลินไปกับความรื่มรื่นเสมือนได้มาเยือนบ้านของพ่อจริงๆ

  • พิกัด : ตำบลภูเขาทอง อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
  • ค่าเข้าชม : ฟรี
  • เวลาทำการ : ตั้งแต่เวลา 8:30 – 17:00 น.
  • ปิดทำการ : วันจันทร์

 

 

2. ชุมชนบ้านเกาะเกิด

เรียกได้ว่าชุมชนเกาะเกิดนั้นเป็นหนึ่งในชุมชุนที่มีเสน่ห์และยังคงอนุรักษ์กลิ่นอายวิถีชีวิตดั้งเดิมของชาวอยุธยาไว้อย่างดีเชียวค่ะ โดยที่นี่เค้ามีการส่งเสริมการท่องเที่ยวให้วิสาหกิจชุมชนทั้งมีการเปิดเป็นโฮมสเตย์ให้คนที่อยากสัมผัสแบบเรียลๆได้ซึมซับเข้าเต็มๆ หรือถ้าแค่อยากมาเที่ยวช่วงกลางวันก็ไม่มีปัญหาค่ะ เนื่องจากเค้าจะมีกิจกรรมล่องเรือแม่น้ำเจ้าพระยารอบเกาะเกิด ระหว่างล่องไปก็จะมีไกด์ท้องถิ่นคอยบอกกล่าวเรื่องราวของเกาะเกิด รวมทั้งไปเที่ยวชมวิถีชีวิตของชาวบ้านริมแม่น้ำ ที่บางบ้านยังมีการจับปลาหน้าบ้านหรือล่องเรือจับปลาจับกุ้งกันให้เห็นกันอยู่เนืองๆ ถ้าไม่อยากล่องเรือแพ้ทางน้ำมานั่งรถลางก็ได้ค่ะ แถมบางวันที่บ้านยายชม้อยยังมีการสาธิตการทำขนมไทยอย่างขนมและน้ำนมจากข้าวยาคูให้ชมอีกด้วยนะคะ เมื่อมาที่นี่ทั้งทีก็อย่าลืมไปนมัสการหลวงพ่อดำวัดพระยาญาติที่ถือเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้านแถบนี้มาเนิ่นนาน อาหารการกินแถวๆนี้เค้าก็มีเมนูท้องถิ่นที่หากินได้ยากอย่างเห็บตับเต่าที่จะมีแค่บางฤดูเท่านั้นนะคะ หากยังไม่พอยังสามารถแวะไปศูนย์ศิลปาชีพเกาะเกิดที่ว่ากันว่าศูนย์การเรียนรู้ด้านเศรษฐกิจพอเพียงที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ที่สำคัญสินค้าแนวเกษตรนี่มีให้เลือกซื้อกันเพียบ ใครเหนื่อยกับวิถีชีวิตเร่งรีบแบบคนเมือง เปลี่ยนมาสโลว์ไลฟ์ไปกับเกาะเกิดซักนิดมั้ยคะ รับรองว่าคุณจะฟินจนอยากจะค้างซักคืนเลยล่ะค่ะ

  • พิกัด : ตำบลเกาะเกิด อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
  • ค่าเข้าชม : มีเฉพาะในกิจกรรมล่องเรือหรือนั่งรถราง
  • เวลาทำการ : ขึ้นอยู่กับบางจุดปกติแล้วจะเปิด 9:00 – 17:00 น.
  • สามารถสอบถามได้ที่ เกาะเกิดโฮมสเตย์ 081-851-6632 ,ขนมข้าวยาคู บ้านยายชม้อย 089-851-6632 และศูนย์ศิลปาชีพเกาะเกิด  087-588-9001
  • ปิดทำการ : เปิดทุกวัน

 

 

3. ล่องเรือเที่ยวรอบเกาะเมือง

อยากเปลี่ยนแนวการเที่ยวให้เปรี้ยวกว่าเดิมมั้ยคะ บางทีขับรถไหว้พระอาจธรรมดาไป แถมบางวันคนเยอะๆอย่างวันอาทิตย์พาให้ใจห่อเหี่ยวไปกับรถติดเซ็งเข้าไปอีก แนะนำให้ลองล่องเรือเที่ยวดูค่ะ เพราะอยุธยานั้นถือเป็นเมืองที่แม่น้ำล้อมเกาะเมืองเมื่อสมัยก่อนไปไหนมาไหนเค้าก็นั่งเรือไปทั้งนั้น ลองเที่ยวโดยเรือบ้างก็เป็นอะไรที่แปลกใหม่ อีกทั้งยังได้สัมผัสวิวทิวทัศน์ริมแม่น้ำอีกต่างหาก ซึ่งที่นี่เค้าก็มีบริการล่องเรือนำเที่ยวกันนะคะ ส่วนมากจะไปขึ้นที่ท่าบริเวณหน้าพระราชวังจันทรเกษมที่แถวๆหัวรอ จุดนี้เราสามารถไหว้พระ 9 วัดได้ด้วยนะเออ บอกไว้ก่อนเค้าคิดราคาแบบเช่าเหมาลำเท่านั้นนะคะ ยิ่งคนมามากยิ่งมีตัวหารเยอะ โดยเค้าจะแบ่งการบริการออกเป็น 3 แบบ นั่นคือ รอบเกาะอย่างเดียว ราคา 800 บาท นั่งเรือแวะขึ้นวัด 3 วัด ราคา 1,100 บาท และนั่งเรือไหว้พระ9วัด ราคา 1,700 บาท ถือได้ว่าเป็นอีกรูปแบบการท่องเที่ยวที่เปิดมุมมองใหม่ๆและยังเก๋ไม่ซ้ำใครดีค่ะ

  • พิกัด : ท่าเรือบริเวณหน้าพระราชวังจันทรเกษม อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
  • ค่าบริการ : ราคา 800 บาท, 1,100 บาท และ 1,700 บาท (สามารถติดต่อเพื่อจองล่วงหน้าได้ที่ 086-7519906 / 086-7511373 )
  • เวลาทำการ : ตั้งแต่เวลา 8:00 – 18:00 น.
  • ปิดทำการ : เปิดทุกวัน

 

 

4. ตลาดหลวงปู่ทวดองค์ใหญ่

ตลาดแห่งนี้ตั้งอยู่ภายในพุทธอุทยานมหาราช วัดวิชิธรรมาราม หรือที่เรียกกันสั้นๆว่า “อุทยานหลวงปู่ทวด” ที่มีจุดเด่นเห็นมาแต่ไกลเป็นหลวงปู่ทวดองค์ ใหญ่  นับว่าเป็นตลาดที่บรรยากาศน่าเดินมากที่สุดแห่งหนึ่งของอยุธยาเลยนะคะ พื้นที่ทั้งกว้างใหญ่แบ่งออกเป็นหลายโซน อย่างคนของช็อปปิ้ง กินขนามและอาหารท้องถิ่นที่นี่เค้าของมีอาหารทั้งคาวหวานเรียงรายแบบทำสดๆใหม่เรียกน้ำลายเป็นอย่างยิ่ง ทั้งขนมกง ขนมเปียกปูนกะทิสด หมี่กรอบ น้ำพริกตำสดต่างๆ และที่อยากให้ลองซื้อกลับไปมากๆก็เป็นพวกปลาแห้งงนี่ล่ะค่ะคือดีมาก ถ้าช็อปปิ้งจนเมื่อยเค้าก็มีร้านกาแฟบรรยากาศริมน้ำตกแต่งเก๋ๆให้นั่งพักรับรมกันด้วยนะคะ นอกจากนี้ยังมีจุดอื่นๆน่าแวะไปไม่แพ้กันทั้งการไหว้หลวงปู่ทวดเพื่อเสริมสิริมงคล หรือจะเป็นหอศิลป์กรุงสยาม 3 มิติที่มีทั้งหุ่นขี้ผึ้ง ภาพสามมิติให้มาถ่ายรูปสนุกๆกัน รวมทั้งยังมีส่วนโรงละครอีกด้วย

  • พิกัด : กิโลเมตรที่ 44 บนถนนสายเอเซีย ทางหลวงหมายเลข 32 อุทยานหลวงปู่ทวด ตำบล บ้านใหม่ อำเภอ มหาราช จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
  • ค่าเข้าชม : ฟรี (เฉพาะส่วนหอศิลป์กรุงสยาม 3 มิติ มีค่าเข้าชม 60 บาท )
  • เวลาทำการ : ตลาดเปิดตั้งแต่เวลา 8:00 – 18:00 น. และหอศิลป์กรุงสยาม 3 มิติ ตั้งแต่เวลา 9:00 – 17:00 น.
  • ปิดทำการ : วันจันทร์

 

 

5. ตลาดกรุงศรี

ตลาดไนท์มาร์เก็ตสไตล์ย้อนยุคชื่อดังของอยุธยาที่มาอยุธยาแล้วไม่มา เหมือนมาไม่ถึงเลยนะคะ สายกินนี่ต้องโดนเพราะของกินเพียบ มีเรียงรายตลอดสองฝั่งทาง มีทั้งแนวไทยๆอย่างพวกขนมเปียกปูนกะทิสดร้านนี้จะอยู่ต้นๆตลาด ทำสดใหม่หวานไม่มาก ที่สำคัญเค้ามีแบบทรงเครื่องที่เลือกเครื่องต่างๆใส่ได้เองตามชอบถั่วตัดที่เป็นแผ่นบางๆเคลือบน้ำตาลที่ทำใหม่ๆทำให้ดูเห็นๆ ลอดช่องเส้นทุเรียน เส้นเหลืองๆหอมกลิ่นทุกเรียน ราดด้วยกะทิที่ผสมเนื้อทุเรียนเน้นๆ พูดมาแต่ของหวานคาวก็มีนะเออ อย่างกุ้งเผาอยุธยาที่นี่เค้าจะมีแบบให้เลือกเป็นตัวๆเริ่มต้นแค่ 100 บาทเท่านั้นเองค่ะ ก๋วยเตี๋ยวไข่อยุธยาหนึ่งในร้านดังก็มาเปิดสาขาที่นี่ด้วย อีกร้านเด็ดอย่างกะเพราะถาดที่คิวแน่นตลอดๆ เพราะร้านนี้เค้าให้เยอะจริง รสชาติดีงาม ที่สำคัญราคาดีต่อใจมากๆ และยังมีอาหารอีกเพียบเลยนะคะ อีกสิ่งหนึ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยนั่นก็คือบรรยากาศของตลาดนี่เองค่ะ โดยบรรยากาศเค้ามีการจัดมาดีงามแบบสุดๆมีกระประดับไฟที่ประดิษฐ์ด้วยสุ่มไก่ตลอดทาง ยิ่งตรงที่ติดกับริมน้ำเวลาสะท้อนย้อนแสงโคมเป็นภาพที่สวยเว่อร์ๆ แถมเค้ายังจะมีการแสดงให้ชมทุกวันเสาร์-อาทิตย์ด้วยนะคะ  และยังมีบริการพายเรือชมบรรยากาศริมน้ำยามค่ำคืนโดยนักพายที่แต่งตัวย้อนยุคอีกด้วย มาอยุธยาทั้งทีอยากถ่ายรูปแต่งตัวย้อนยุคก็จัดให้ ซึ่งจุดถ่ายรูปจะอยู่บริเวณด้านหน้าเลยค่ะหาไม่ยาก ที่สำคัญนอกจากการจัดแต่งประดับประดาให้งดงามแล้วนั้น เค้ายังจะเสริมสร้างความย้อนยุคขึ้นไปอีกระดับด้วยการแต่งกายของพ่อค้าแม่ค้าที่จัดมาเต็มกันทุกคน ใครอยากหาที่เดินชิลๆบรรยากาศชิคๆ ถ่ายรูปสวย อาหารอร่อยต้องมาโดนค่ะ

  • พิกัด : ข้างศาลากลางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา (หลังเก่า) อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
  • ค่าเข้าชม : ฟรี
  • เวลาทำการ : วันศุกร์ – วันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 16:00 – 22:00 น.
  • ปิดทำการ : เปิดเฉพาะช่วงสุดสัปดาห์

 

 

6. ตลาดน้ำวัดท่าการ้อง

ตลาดน้ำกรุงเก่า หรือที่คนส่วนมากจะติดปากเรียกกันว่า “ตลาดนัดวัดท่าการ้อง”นั้น ตั้งอยู่ภายในวัดท่าการ้อง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งวัดดังของอยุธยาที่ช่วงวันหยุดคนทำทำบุญกันอย่างเยอะเลยล่ะค่ะ ตัวตลาดนั้นต้องเดินเข้าไปด้านในสุดนะคะ โดยจะติดกับริมน้ำมีที่นั่งที่กันแดดพร้อม ของกินเค้าก็เยอะพอตัวค่ะ อาจจะไม่ได้มากจนเดินนานแล้วยังไม่หมด แต่ก็ค่อนข้างครบเครื่องทั้งคาวหวาน สิ่งที่ทำให้ได้บรรยากาศตลาดน้ำก็ตรงมีร้านที่ขายบนเรือนี่แหล่ะค่ะ ฟินไปได้อีกระดับ ถือว่าเป็นตลาดเดินเพลินๆอีกที่หลังจากมาไหว้พระทำบุญ บรรยากาศบ้านๆดีไปอีกแบบ

  • พิกัด : วัดท่าการ้อง ถนน อยุธยา – บางบาน ตำบล บางป้อม อำเภอ พระนครศรีอยุธยา พระนครศรีอยุธยา
  • ค่าเข้าชม : ฟรี
  • เวลาทำการ : ตั้งแต่เวลา 8:00 – 16:00 น.
  • วันปิดทำการ : เปิดทุกวัน

 

 

7. ตลาดโก้งโค้ง บ้านแสงโสม

ตลาดของชุมชนที่ให้ฟิลแบบคนท้องถิ่นแท้ๆราคาชาวบ้าน แม้ตลาดจะไม่ได้ใหญ่ยักษ์อลังการแต่สินค้าที่ขายแต่ละร้านเค้าไม่ค่อยซ้ำมาก ที่สำคัญของกินโดยเฉพาะสายขนมต้องตาวาว เพราะที่นี่เค้ามีร้านขนมไทยเด็ดๆเยอะ อย่างที่ต้องรีบมาไว้ว่องก็เป็นขนมถ้วยตะไลร้านลุงส่ง (แต่แอบเห็นคุณป้าขายซะมากกว่า)สังเกตไม่ยากค่ะเพราะคิวยาวเสมอๆ จุดเด่นคือเค้าจะหยดสดๆ นึ่งให้เห็นจะๆ เค้าจะมีโต๊ะเก้าอี้เล็กๆไว้ให้นั่งกินนะคะ ราคาก็ไม่แพงค่ะ 3 ถ้วย 10 บาท รสชาติมันๆหวานนิดๆกลมกล่อม เห็นได้จากจำนวนคนที่มาเข้าคิวนั่งกินหรือปริมาณที่สั่งกันกลับบ้านสั่งกันทีนึกว่าเอาไปขาย กล้วยนาบที่น่าจะหากินยากมากๆก็มีนะคะ อารมณ์คล้ายๆบ้าบิ่นผสมกับขนมกล้วย แต่เค้าจะใช้วิธีจี่สดๆ รสชาติแบบขนมกล้วยที่มีความเกรียมนิดๆ กระทงละ 20 ดูเล็กๆแอบเยอะนะเออ อีกร้านที่เรียกว่าเลิศไม่แพ้กันก็ต้องเข้าไปในซอยแรกเค้าจะขายขนมไทยหายากอย่างขนมโค บัวลอยเผือกที่ผสมเผือกจริงๆกินปุ๊บรู้ปั๊บ แต่ที่อยากแนะนำแบบสุดตัวยกให้ “ขนมไข่ปลาโบราณ” ที่เค้าใช้ตาลสดๆมาผสมจะมีรสชาติเปรี้ยวนิดๆไม่แป้งเยอะเหมือนที่อื่นๆ ใครอยากกินอาหารเป็นเรื่องเป็นราวเค้าก็มีศูนย์อาหารแบบบ้านๆให้ได้นั่งสั่งกันตามใจชอบเลยนะคะ จะช็อปปิ้งก็มีพวกผลไม้ พืชผัก อาหารท้องถิ่น เครื่องจักรสาน เครื่องปั้นดินเผา จานชามโบราณ สมุนไพร และอื่นๆอีกมากมาย นับว่าเป็นตลาดเล็กๆที่อัดเน้นไปด้วยคุณภาพ บรรยากาศง่ายๆ เดินสบายๆ ที่สำคัญราคาชาวบ้านๆ บอกเลยตลาดนี้กำเงินมาร้อยเดียวยังอิ่มได้เลยค่ะ

  • พิกัด : ติดถนนเส้นบางปะอิน ตำบล บ้านโพธิ์ อำเภอ บางปะอิน พระนครศรีอยุธยา
  • ค่าเข้าชม : ฟรี
  • เวลาทำการ : วันพฤหัสบดี – วันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 9:00 -16:00 น.
  • วันปิดทำการ : เปิดเฉพาะช่วงสุดสัปดาห์

 

 

8. พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา

พิพิธภัณฑ์บรรยากาศคลาสสิกๆที่เต็มไปด้วยสิ่งของมีค่าควรเมือง ตัวพิพิธภัณฑ์จะมีทั้งหมด 3 อาคารนะคะ โดยอาคารหลักนั้นจะมี  2  ชั้น จริงๆพื้นที่ไม่ได้ใหญ่มาก หากสิ่งของแต่ละอย่างที่หาดูไม่ยากจริงๆค่ะ มีทั้งพระพุทธรูปที่อายุนับพันปีจากหลายยุคหลายสมัย บานประตูแกะสลักที่ประเมินค่าไม่ได้ แถมยังจะมีสิ่งทองเครื่องทองที่เคยถูกขุดพบสมัยเปิดกรุอยุธยาที่ได้คืนมาจากการขโมยด้วยนะคะ พวกเครื่องทองต่างๆที่ทำให้รู้เลยว่าช่วงที่อยุธยารุ่งเรืองนี่เจริญทางวัตกุขนาดไหน ขนาดถ้วยโถต่างๆยังทำกันด้วยทองแท้ๆคิดดูอ่ะค่ะอลังการมากมาย รวมทั้งยังมีอาคารและส่วนอื่นๆที่จัดแสดงไม่ใช่แค่สมัยกรุงศรีอยุธยาเท่านั้น บางสิ่งบางอย่างที่นำมาจัดแสดงนี่มีตั้งแต่สมัยทวารวดี คนที่หลงใหลในของโบราณและอยากศึกษาเกี่ยวกับความเป็นมาของอยุธยามาแล้วมีเดินเพลินไปทั้งวัน

  • พิกัด : ถนนปรีดีพนมยงค์ ตรงข้ามกับมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
  • ค่าเข้าชม : คนไทยราคา 30 บาท ต่างชาติ 150 บาท
  • เวลาทำการ : ตั้งแต่เวลา 9:00 – 16:00 น.
  • วันปิดทำการ : เปิดทุกวัน

 

 

9. พระราชวังบางปะอิน

พระราชวังที่เป็นที่แปรพระราชฐานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ หากมีการเปิดให้ประชาชนคนทั่วไปได้เข้ามากันค่ะ ก่อนอื่นๆถ้าคิดจะมาต้องแต่งตัวสุภาพนะคะ ไม่ใส่ขาสั้น แขนกุด เอวลอย แต่ถ้าลืมสนิทก็ไม่ต้องกลัวไปด้านหน้าเค้ามีร้านเช่าชุดให้เลือกเพียบ หรือสามารถยืมผ้าถุงของที่นี่ด้วยนะคะ อันนี้เค้าให้ยืมฟรีแต่มีค่ามัดจำ 200 ได้คืนตอนคืนชุดนั่นแหล่ะค่ะ การเดินชมถ้าเดินไหวสุภาพแน่นเปี๊ยะๆเดินเท้าชมนิกชมนกไม้ริมทางนี่เพลินๆมากๆ เพราะเค้ามีการจัดแต่งสวนอย่างงดงามร่มรื่น แต่ถ้าเดินไม่ไหวเค้าก็มีรถกอล์ฟให้เช่านะคะในราคาชั่วโมงแรก 400 บาท ชั่วโมงต่อๆ ไป 100 บาท เพียงแต่อย่าลืมพกใบขับขี่มาแสดงด้วยนะคะไม่งั้นอดแน่ๆ ด้านในมีทั้งส่วนที่เปิดให้ชมและบางแห่งก็ไม่ได้เปิดให้ชมนะคะ อย่างที่พระที่นั่งอุทยานภูมิเสถียร เนื่องจากยังคงเป็นที่ประทับของราชวงศ์อันนี้เข้าไม่ได้ค่ะ แต่อย่างห่วงไปเค้ามีอะไรให้เราเดินดูเยอะ

ทั้งพระที่นั่งเวหาศน์จำรูญที่มีการออกแบบเป็นอาคารสไตล์จีน ที่ภายในเคยเป็นที่ประทับของรัชกาลที่ 5 มีของล่ำค่าอย่างงาช้างแกะสลักอย่างประณีต และอื่นๆอีกมากมายที่ต้องไปเห็นด้วยตาเท่านั้น (ถ่ายรูปไม่ได้ค่า) หอคอยที่เราสามารถขึ้นไปดูวิวทิวทัศน์มุมสูงของรอบๆพระราชวังรวมไปถึงแถบบางปะอินได้ พระที่นั่งวโรภาษพิมานที่ถูกออกแบบสไตล์ศิลปะแบบคอรินเทียนออร์เดอร์  จุดนี้ผู้หญิงใส่กางเกงขายาวก็เข้าไปไม่ได้นะคะ ซึ่งเค้าจะมีผ้าถุงให้เปลี่ยนค่ะไม่ต้องห่วง  ซึ่งด้วยความที่ปัจจุบันยังคงมีการเปิดใช้เมื่อพระบรมวงศ์เมื่อเสด็จแปรพระราชฐานมาประทับ ณ พระราชวังบางปะอิน ดังนั้นเค้าจะเปิดให้ชมแค่บางจุดเท่านั้นค่ะ อีกทั้งยังจะมีตำหนักฝ่ายในด้านหลังที่แต่ที่อาคารเน้นเป็นสไตล์ตะวันตกชั้นเดียวบ้าง สองชั้นบ้าง อันนี้บางตำหนักเค้าก็เปิดให้สามารถเข้าไปดูด้านในได้ค่ะ จุดหนึ่งที่ไม่อยากให้พลาดกันนั้นก็คือ บ่อปลา ที่เค้าจะมีอาหารปลาให้เราโปรยชมตัวขนาดยักษ์มาโฉบไปเพลินๆ แต่สิ่งที่อยากให้ได้สัมผัสกัน เพราะเคยเป็นที่นี่รัชกาลที่ 8-9 ทรงเคยมาพายเรือเล่นกันตั้งแต่ทรงยังพระเยาว์ ซึ่งเรือที่ทรงพายก็มีจัดแสดงในอาคารที่เก็บของที่ประชายน้อมถวายแด่รัชกาลที่ 9 นะคะอันนี้ไปดูกันได้ เรียกว่าอีกหนึ่งสถานที่ที่ชาวไทยต้องมาซักครั้งในชีวิตเลยค่ะ

  • พิกัด : ถนนปราสาททอง ตำบล บ้านเลน อำเภอ บางปะอิน พระนครศรีอยุธยา
  • ค่าเข้าชม : เด็ก นักเรียน นักศึกษา ราคา 20 บาท คนไทย ราคา 30 บาท และต่างชาติ 100 บาท
  • เวลาทำการ : ตั้งแต่เวลา 8:00 – 16:00 น.
  • วันปิดทำการ : เปิดทุกวัน

 

 

 

10. วัดนิเวศธรรมประวัติ

นับเป็นวัดที่มีการผสมผสานระหว่างความเป็นพุทธกับคริสต์ได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ เพราะแม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นวัดในศาสนาพุทธก็ตาม หากเค้าแตกต่างด้วยการมีโบสถ์คริสต์อยู่ด้านใน ซึ่งบอกเลยว่าที่น่าเฟี้ยวตั้งแต่การเดินทางไปเลยล่ะค่ะ เพราะเค้าจะมีกระเช้าลอยน้ำที่สามารถขึ้นได้ที่ตรงบริเวณที่จอดรถของพระราชวังบางปะอินเพื่อพาไปยังตัววัดนะคะ   โดยกระเช้านั้นจะออกทุก 5-10 นาที ขึ้นได้รอบละไม่เกิน 8 คนที่สำคัญขึ้นฟรีค่า  ซึ่งวัดแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นสถานที่บำเพ็ญพระราชกุศลของรัชกาลที่ 5 พระองค์ทรงโปรดให้สร้างวัดนี้ให้มีความแปลกแตกต่างจึงได้มีพระราชดำหริให้สร้างวัดสไตล์ตะวันตก บอกเลยว่าทุกสิ่งปลูกสร้างล้วนมีสถาปัตยกรรมการสร้างสวยงามแบบที่สายโซเชียลต้องมาจัด ถ่ายมุมไหนสวยมุมนั้น

พิกัด : ตรงข้ามพระราชวังบางปะอิน ตำบล บ้านเลน อำเภอ บางปะอิน พระนครศรีอยุธยา

ค่าเข้าชม : ฟรี

เวลาทำการ : กระเช้าจะเริ่มเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 5:30 – 21:00 น.

วันปิดทำการ : เปิดทุกวัน

 

 

 

11. พิพิธภัณฑ์เรือไทย

พิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงเรือไทยหายากมากมาย  หลายๆอย่างนี่เราเพิ่งเคยได้เห็นหรือได้ยินชื่อครั้งแรกก็เมือมายังที่นี่นี่แหล่ะค่ะ นั่นก็น่าจะเพราะเมื่อก่อนนี้การสัญจรเรือถือว่าเป็นวิธีการเดินทางหลักที่ได้รับความนิยมโดยเฉพาะเมืองที่น้ำล้อมเกาะอย่างอยุธยา ไปจนถึงทุกๆที่ในประเทศไทย ทำให้เรือมีหลายชนิดมากๆทั้งเพื่อการโดยสาร แข่งขัน ขนส่งสินค้า โดยจะมีส่วนจัดแสดงทั้งหมด 3 ส่วนด้วยกันส่วนแรกเป็น อาคารเรือโบราณเน้นการจัดแสดงเรือโบราณต่างๆที่บางลำมีอายุนับร้อยปีเชียวนะคะ ต่อมาเป็นอาคารทรงไทยทำจากำไม้สักทอง จัดแสดงเรือจำลองประเภทต่างๆ จากฝีมือของอาจารย์ไพฑูรย์ อย่างเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์ เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณรัชกาลที่ 9 เรือพระที่นั่งอนันตนาคราช และอีกหลายๆลำที่ล้วนงดงามชวนตะลึง ส่วนสุดท้ายจะเป็น บริเวณภายนอกอาคาร เน้นการจัดแสดงเรือขนาดใหญ่ กลางแจ้ง

พิกัด : ด้านหลังขององค์การโทรศัพท์ สามแยกจะอยู่ตรงข้ามวัดมหาธาตุ ถนนหอรัตนไชย อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

 

 

 

12. ตันแลนด์ ดินแดนแห่งความสมดุล

แหล่งท่องเที่ยวใหม่ที่จัดทำเป็นศูนย์การเรียกรู้ ที่ไม่ว่าวัยไหนก็มาฟินได้ทั้งนั้น ตั้งอยู่ที่โรงงานอิชิตัน ภายในอำเภออุทัย ซึ่งไม่ไกลจากตัวเมืองมากนักค่ะ แม้จะขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งที่ให้ความรู้แต่ความรู้ที่ว่ามาในรูปแบบที่น่าสนใจอย่างแบบแกลเลอรี่สร้างสรรค์

เน้นให้คนได้รู้จักแนวคิดความสุขอย่างยั่งยืนบนพื้นที่ กว่า 2,000 ตร.ม. ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 โซน นั่นก็คือ  โซน T OF LIFE ผ่านเรื่องเล่าการกำเนิดของชาวโลก 5000 ปี จุดนี้เรายังจะได้เห็นระบบการผลิตกว่าจะเป็นชาเขียวอิชิตัน  ต่อมาเป็นโซนที่สองอย่าง เรียนรู้แบบอิชิตัน ที่เริ่มมาจากวิกฤตน้ำท่วมครั้งยิ่งใหญ่ในปี 54 สู่การปรับสมดุลระหว่างมนุษย์และธรรมชาติ และสุดท้ายอย่างโซน TANLAND’S SECRET ที่มีกิจกรรมให้ร่วมสนุกกับการค้นหาความลับทั้ง 10  พร้อมทั้งมาดูกันว่าเราจะได้อะไรและสามารถนำความรูมาใช้อะไรได้บ้าง เอาเป็นว่าถ้าอยากหาที่เที่ยวสำหรับครอบครัวมีเด็กเล็กอันนี้จัดว่าดีงามทีเดียวเชียว

  • พิกัด : โรงงานอิชิตัน ตำบล อุทัย อุทัย พระนครศรีอยุธยา
  • ค่าเข้าชม : ฟรี
  • เวลาทำการ : ตั้งแต่เวลา 10:00 – 16:00 น.
  • วันปิดทำการ : วันเสาร์

 

 

13. วัดสะแก

วัดเก่าแก่ที่ถูกสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ที่สำคัญยังเป็นวัดแห่งหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ผู้ที่ชาวอยุธยาต่างเลื่อมใสต่อท่านอย่างมิเสื่อมคลาย แม้ว่าท่านจะละสังขารไปนานแล้ว ตัววัดเองจึงมีการสร้างหุ่นขี้ผึ้งรูปท่าน อีกทั้งยังมีการคงไว้ซึ่งเครื่องอัฐบริขารต่าง ๆ ให้คงอยู่ในสภาพเดิม ที่บริเวณกุฎิของท่าน เพื่อให้เหล่าผู้ศรัทธาและบรรดาลูกศิษย์ลูกหาได้มากราบไหว้บูชา  ใครที่เป็นเด็กรุ่นใหม่อาจจะไม่ทันก็สามารถเข้าไปชมเรื่องราวของท่านได้ที่พิพิธภัณฑ์หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญด้วยนะคะ หากมองหามุมเย็นๆต้องตรงมาบริเวณศาลาริมน้ำที่เค้าจะมีอาหารปลาให้ซื้อเพื่อให้อาหารเหล่าปลาจำนวนมาก ที่บอกเลยว่าปลาแน่นมากโรยไปทีขึ้นกันมาแทบไม่เห็นน้ำอ่ะค่ะ หากอยากมาวัดที่คนไม่แน่นเท่าวัดหลักๆแนะนำให้มาที่วัดสะแก ทั้งได้ไหว้พระ ทำบุญ รวมทั้งยังมีอะไรให้เดินมกันอีกหลายอย่างไม่มีเบื่อแน่นอน

พิกัด : ตำบล ธนู อำเภอ อุทัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

 

 

 

14. พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติจันทรเกษม

พระราชวังที่ติดกับริมแม่น้ำป่าสัก คนที่ชอบบรรยากาศเก่าๆโบราณน่าจะโดนใจอย่างจังกับที่นี่เลยนะคะ เอาจริงๆแค่บรรยากาศนี่ก็กินขาดแล้ว เนื่องจากเป็นพระราชวังที่เคยเป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์และพระมหาอุปราชที่สำคัญถึง 8 พระองค์ด้วยกัน สถาปัตยกรรมอาจไม่ได้หรูหราอลังการหากก็เต็มไปด้วยความคลาสสิคและมนตร์ขลังของความเก่าแก่ ที่แค่เดินเข้ามาปุ๊บก็สัมผัสได้เลยอย่างแรง หลายๆส่วนเค้าเปิดให้เข้าชมภายในได้นะคะ แต่บางจุดก็ปิดเอาไว้สามารถดูได้ด้านนอกเท่านั้น จุดนึงที่น่าไปกันอย่างหอพิสัยศัลลักษณ์ ที่เป็นหอ 4 ชั้น โดยเราสามารถขึ้นไปเพื่อดูวิวทิวทัศน์แม้น้ำและเมืองอยุธยาได้อีกด้วย

พิกัด : ข้างโรงเรียนอยุธยานุสรณ์ ใกล้ตลาดหัวรอ ตำบล หัวรอ อำเภอ พระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

 

 

 

15. ตลาดหน้าองค์การโทรศัพท์

ตลาดยอดนิยมของคนอยุธยายามเย็นไปจนค่ำที่ถามใครต่อใครว่าวันธรรมดาเดินตลาดไหนคนอยุธยาต้องให้มาที่นี่แน่ๆค่ะ จริงๆภายในอำเภอเมืองนี่มีตลาดเยอะนะคะ แต่ถ้าพูดถึงไนท์มาร์เก็ตที่ต้องมาโดนต้องที่นี่เลย ของกินคาวหวานเรียงรายตลอดสองฝั่งทางเป็นร้อยร้านค้า ส่วนมากของกินจะราคาถูกค่ะเพราะเค้าเน้นขายคนท้องถิ่นเป็นหลัก แต่เท่าที่เห็นไกด์พาคนต่างชาติมาเยอะไม่ใช่น้อยๆ ร้านเด็ดๆก็จะมีก๋วยเตี๋ยวไก่ด้านหน้าๆ ที่เค้าจะมีเมนูเด็ดครัวคุณต๋อยนั่นคือ ก๋วยเตี๋ยวยำ หอยทอดสิงห์บุรีนี้ก็ทีเด็ดนะคะ ท้าชนหอยทอดทุกเจ้าที่ว่าอร่อยเลย เพราะของเค้าแค่ลีลาลงกระทะทอดของพ่อค้านี่ก็แจ่มแล้ว ตัวหอยทอดน่าจะถูกใจคนชอบอะไรกรอบๆ เนื่องจากกรอบจริงจัง ราดซอสสูตรลับของเค้าทีล่ะโอ้ยห่อเดียวไม่เคยพอ  น้ำแยกกากทีนี่เค้าก็ดีงามนะคะ ที่สำคัญปริมาณแน่น ขวดละแค่ 25 บาทเท่านั้น และยังมีอาหารคาวหวานอีกมากมายหลายอย่างให้เดินกินไปชิมไป แบบรู้ตัวอีกทีนี่อิ่มจุกจนแทบกลิ้งก็เป็นได้ค่ะงานนี้

  • พิกัด : บริเวณด้านหน้าองค์การโทรศัพท์อยุธยา อำเภอ พระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
  • ค่าเข้าชม : ฟรี
  • เวลาทำการ : ตั้งแต่เวลา 16:30 – 21:00 น.
  • วันปิดทำการ : เปิดทุกวัน